1. Moka Pot
การชงกาแฟสดด้วยวิธี Moka Pot (โมกา พ็อต) เป็นวิธีที่นิยมกันมากในประเทศอิตาลี ซึ่งจะดึงรสชาติที่เข้มข้นของกาแฟได้ออกมาอย่างเต็มเปี่ยม โดยส่วนใหญ่มักนิยมใช้การบดเมล็ดกาแฟที่ละเอียดมาก เล็กกว่าเม็ดน้ำตาล แต่ไม่ป่น เพราะจะทำให้รสชาติเข้มจนขมมากเกินพอดี นอกเหนือจากนี้ ควรใช้น้ำที่ร้อนอยู่ก่อนแล้ว ต้มผ่านเครื่องอีกครั้ง เพื่อให้ช่วงระยะเวลาการชงกาแฟสั้นลง
2. French Press
วิธี French Press (เฟรนช์ เพรส) ต้นตำรับการชงกาแฟสดจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีสไตล์การชงที่เป็นเอกลักษณ์ โดยจะใช้วิธีการใส่เมล็ดกาแฟที่บดหยาบ-บดปานกลางตามปริมาณที่ต้องการและเติมน้ำร้อนจนเกือบเต็ม ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที จากนั้นค่อยๆ ใช้ตัวกรองด้านบนกดลงเพื่อดันกากกาแฟไว้ด้านล่าง
3. Drip
วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่เราเห็นกันบ่อยในปัจจุบัน คือวิธีการชงกาแฟสดด้วยการ Drip (ดริป) โดยการใช้กระดาษกรอง ตะแกรงหรือถุงกรอง โดยใส่กาแฟไว้ด้านบนก่อนจะใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิ 80-94 องศาเซลเซียส เทผ่านตัวกรองเหล่านั้น โดยเมล็ดกาแฟคั่วบดที่ใช้มักจะเป็นชนิดบดปานกลาง-บดละเอียด เพราะจะทำให้การสกัดกาแฟสดมีรสชาติพอดีกับอัตราการไหลของน้ำ
4. Syphon
เครื่องชงกาแฟแบบ Syphon (ไซฟอน) อาจดูแปลกตา และหาดูได้ยากในปัจจุบัน ด้วยลักษณะการชงที่ใช้อุปกรณ์ 2 ชิ้นคือ Upper Bowl และ Lower Bowl โดยจะทำการใช้เมล็ดกาแฟคั่วบดแบบละเอียดในการใส่ลงไปบน Upper Bowl เมื่อกาแฟได้ที่จึงค่อยๆ ปล่อยให้กาแฟไหลผ่านตัวกรองลงมาที่ Lower Bowl จะได้กาแฟสดที่รสชาติละมุน กลมกล่อม และหอม
5. Espresso Machine
วิธีการชงผ่านเครื่อง เอสเพรสโซ่ เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะสะดวกและรวดเร็ว สามารถชงได้แบบถ้วยต่อถ้วย โดยส่วนมากมักนิยมใช้เมล็ดคั่วบดที่มีความละเอียดมาก เพื่อทำให้รสชาติของกาแฟหอมและสดใหม่ตลอดเวลา
และนี่คือเสน่ห์ทั้งหมดการการรังสรรค์กาแฟสดหลากหลายสไตล์ ที่มีความเป็นมาและพิถีพิถันจนหลายคนหลงใหล ทราบกันแบบนี้แล้วก็คงทำให้การดื่มด่ำกับเครื่องดื่มชนิดนี้มีความอร่อยมากยิ่งขึ้น หรือจะเก็บไปทำการบ้าน แล้วลองรังสรรค์รสชาติที่เป็นตัวเองก็ไม่ว่ากัน
ขอบคุณสาระดีๆ จาก เวปไซด์
https://suzuki-coffee.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F/